ufabet

Data-Driven Marketing คืออนาคตการตลาด และ อนาคตธุรกิจขึ้นอยู่กับ Data 3 ประเภท

ทำไมต้อง Data Driven Marketing? คุณจะแน่ใจได้อย่างไรว่าโปรโมชั่นใหม่ที่กำลังจะส่งไปยังลูกค้าจะได้รับผลตอบรับดี หรือสินค้าใหม่ที่กำลังจะปล่อยออกไปขายจะตรงใจลูกค้าจนอยากจะซื้อ?

..​ การจะได้รู้ถึงคำตอบนี้ก็มีเพียงการเก็บรวบรวมข้อมูลลูกค้าจนมากพอ พอที่จะสามารถวิเคราะห์แนวโน้ม และตัดสินใจได้ว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่ลูกค้าต้องการ นี่คือเหตุผลที่ทำให้ Data Driven Marketing คือ สิ่งสำคัญของการตลาดในยุคดิจิทัล

Customer Data หรือข้อมูลลูกค้าในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเชิง Demographic (ชื่อ, เบอร์โทร, อีเมล, ที่อยู่, อาชีพ ฯลฯ) หรือข้อมูลเชิงพฤติกรรมความชอบความสนใจในสิ่งต่างๆ ของลูกค้า ล้วนแล้วแต่เป็นข้อมูลที่มีคุณค่าสำหรับเจ้าของธุรกิจ และนักการตลาดทั้งสิ้น เพราะสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการทำการตลาดออนไลน์ได้ โดยเฉพาะการวางแผนซื้อสื่อโฆษณาที่เหมาะสมและตรงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อผลลัพธ์ทางการตลาดที่ดีขึ้นหรือแม้กระทั่งการผลักดัน ROI ให้เป็นไปตามเป้าประสงค์

ด้วยประโยชน์ดังกล่าว นำมาซึ่งการระดมสรรพกำลัง และการสรรหาเครื่องมือที่ทันสมัยมาเก็บข้อมูลลูกค้าให้ได้มากที่สุด แต่ปัญหาสำหรับนักการตลาดส่วนใหญ่ก็คือ “ไม่รู้ว่า Data ที่มีอยู่สามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง” หรือแม้กระทั่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเริ่มใช้ Data ส่วนไหน เพื่อประโยชน์อะไร

Data Driven Marketing คือ อะไร

Data-Driven Marketing คือ การทำกลยุทธ์การตลาดด้วยการนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าที่มีต่อสินค้า หรือธุรกิจ มาวิเคราะห์ เพื่อให้เข้าใจถึงพฤติกรรม ความชอบ และแรงจูงใจในการซื้อสินค้าของลูกค้ามากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นข้อมูลดังกล่าวอาจนำมา “คาดการณ์” พฤติกรรมการซื้อในอนาคตของลูกค้า หรือเป็นแนวทางในการทำ Content Marketing เพื่อสื่อสารกับลูกค้าแต่ละช่องทางได้อีกด้วย

ผลลัพธ์ของการทำการตลาดแบบ Data Driven Marketing แตกต่างกับการตลาดแบบดั้งเดิม คือช่วยให้นักการตลาดสามารถเชื่อมต่อกับลูกค้าได้ในช่องทางที่เหมาะสม ในเวลาที่ใช่ ด้วยข้อเสนอที่ตรงใจ ช่วยให้การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้ามีประสิทธิภาพกว่า ส่วนการตลาดแบบดั้งเดิมนั้น คุณอาจจะต้องลองผิดลองถูกกับแคมเปญการตลาดเป็นจำนวนมาก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทางการตลาดที่ดีและแม่นยำ

ufabet

แต่ก่อนที่เราจะมารู้จักเทคนิควิธีใช้ Data มา “Drive” Marketing คุณจะต้องรู้ก่อนว่าประเภทของ Data มีทั้งหมด 3 ปรเภท

คือ First Party Data, Second Party Data และ Third Party Data ซึ่งทั้ง 3 ประเภทของดาต้านี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง และนำมาใช้ประโยชน์ได้คนละแบบ มาเรียนรู้ และดู Case Study ตัวอย่าง Data-Driven Marketing ไปพร้อมๆ กัน

First Party Data คือ ข้อมูลของลูกค้าที่คุณเก็บรวบรวมไว้ด้วยตัวเอง (บริษัทเก็บข้อมูลเอง) ไม่ว่าจะเป็น ชื่อ, ที่อยู่, เบอร์โทร, อีเมล ฯลฯ รวมไปถึงพฤติกรรมและความชอบต่างๆ ของลูกค้าคุณ ในช่องทางต่างๆ เช่น

เว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่น : ซึ่งเป็นข้อมูลในเชิงพฤติกรรมการกระทำใดๆ บนเว็บไซต์, การลงทะเบียน, ความสนใจในสินค้าหรือบริการต่างๆ ของลูกค้า เป็นต้น

  • ระบบ CRM : ที่นอกจากข้อมูลเชิง Demographic แล้วยังมีข้อมูลของประวัติการสั่งซื้อสินค้าของลูกค้า หรือถ้าเซลล์ของคุณทำงานละเอียดและเข้าใจถึงความสำคัญของข้อมูลต่างๆ ของลูกค้า ในระบบ CRM อาจจะมีความต้องการ ปัญหาการใช้งานสินค้าและบริการทั้งของบริษัทคุณเองหรือจากประสบการณ์เดิมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นข้อมูลที่ลึกมากขึ้นของลูกค้าแต่ละรายเพิ่มเติมด้วย
  • Social Media : อาทิ Facebook Messenger, Direct Message ใน Instagram หรือ LINE Official Account
  • Survey : แบบสำรวจหรือแบบสอบถามต่างๆ ซึ่งอาจจะแบ่งลักษณะการทำแบบสอบถามได้ ทั้ง แบบสอบถามความสนใจ หรือแบบสอบถามความพึงพอใจ ก็ได้

First Party Data นับเป็นข้อมูลที่คุณสามารถเก็บค่อนข้างง่าย ยิ่งคุณใช้แพลตฟอร์มการจัดการข้อมูล เช่น Google Analytics ก็ยิ่งง่ายที่จะรู้ว่าข้อมูลของลูกค้าคุณมาจากที่ใด แน่นอนว่าแค่รู้ที่มาของข้อมูลลูกค้า ก็อาจจะช่วยเป็นข้อมูลในการรักษาฐานลูกค้า และการวางแผนงบประมาณที่ใช้ในแต่ละช่องทางการตลาดได้ด้วย เช่น หากคุณพบว่าลูกค้าของคุณมาจาก Facebook มากที่สุด ในขณะที่ LINE Official Account มีลูกค้ารายใหม่ๆ ติดต่อเข้ามาน้อยมาก คุณในฐานะนักการตลาด หรือเจ้าของกิจการก็อาจจะเลือกเพิ่มงบประมาณในการหาลูกค้าใหม่ๆ ให้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมจาก Facebook ส่วนช่องทาง LINE อาจจะใช้เป็นการติดสื่อสารระหว่างคุณกับลูกค้า เพื่อแจ้งข่าวสารต่างๆ หรือเป็นช่องทางสำหรับการแจ้งปัญหาการใช้งานหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมก็ได้


ติดตามเนื้อหาดีๆ น่าอ่านได้ที่ hotelbarderosa.com อัพเดตทุกสัปดาห์

Releated